แม้ว่าค่ายมิตซูบิชิ จะพัฒนารถในตระกูลอีโวลูชั่นไปไกล แต่นักเลงรถบ้านเราก็ยังตามไม่ทันเท่าที่เห็นมีเพียง EVOLUTION VIII ที่มาขับโฉบเฉี่ยวอยู่บ้าง ทั้งนี้เพราะสนนราคาค่าตัวค่อนข้างสูง จึงทำให้ต้องจับรถมิตซูบิชิ แลนเซอร์มาดัดแปลงกัน ซึ่งที่ผ่านมาจะแบ่งเป็นสเตปการแต่งเริ่มตั้งแต่ EVOI-III EVO IV-VI และEVO VII-IX โดยขึ้นอยู่กับโครงสร้างของรถแต่ละรุ่น ที่มีพื้นฐานเดียวกัน จึงสามารถทำออกได้เหมือนตัวจริง
แต่ถึงอย่างนั้นอาจมีบางคันที่ไม่ชอบเลียนแบบทั้งหมด ซึ่งก็ไม่ต่างจากแลนเซอร์ อีคาร์ ที่เห็นอยู่นี้ โดยเปลี่ยนโฉมแค่ภายนอกให้ดูเท่ แต่ในส่วนภายในเล่นดุดันด้วยโรลบาร์ในสไตล์แข่ง พร้อมกับถอดชิ้นส่วนออกไปเพื่อลดน้ำหนัก ในขณะที่ความแรงนั้นยังไม่มากพอ เพราะได้สลับเอาเครื่องที่เคยฝังอยู่รถอเนกประสงค์สเปควากอน ตัวนอก มาลงแทน จึงต้องปรับแต่งเฮดเดอร์เดินท่อไอเสียและปลายท่อใหญ่ของสำนักแต่ง SITT TURBO เพื่อเพิ่มอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
แต่งครบเทียบได้กับ EVO III
ปิดฝาเคฟลาร์ลงล้อเท่ ENKEI
ในการจับเอาอีคาร์มาแต่งอีโว 3 ได้นั้น เพราะมีโครงสร้างตัวรถแบบเดียวกัน แค่จัดการสลับกันชนหน้าก็สามารถสร้างความเร้าใจได้ทันที โดยกันชนหน้าเป็นชิ้นส่วนของ EVO III ที่มาในแบบกระจังหน้าในตัวติดตะแกรง พร้อมช่องดักลมตรงกลางขนาดใหญ่ กับช่องด้านข้างทรงสี่เหลี่ยมมน และลิ้นหน้าแบบแยกชิ้นมีช่องดักลม ส่วนไฟหน้าเปลี่ยนใหม่เป็นแบบโคมเพชรให้ความแวววาว พร้อมใส่ไฟซีนอนเพื่อส่องได้ไกลและเพิ่มความสว่างให้มากขึ้น
เลยขึ้นมาที่ฝากระโปรงหน้าก็ท้าท้ายสายตาด้วยการตกแต่งใหม่ โดยสั่งทำเป็นแบบเคฟลาร์ทั้งบาน ซึ่งรูปทรงแบบเดียวกับ EVO 3 จึงมีช่องระบายความร้อนของเครื่องยนต์อยู่ 2 ช่องในแบบบานเกล็ด ที่สำคัญช่วยลดน้ำหนัก แต่ให้ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น และในแบบเคฟลาร์ดำยังตัดกับสีขาวของรถเพิ่มความโดดเด่นมาแต่ไกล ส่วนแก้มข้างสลับใหม่อวบขึ้นกว่าเดิมแถมติดไฟแก้มข้างสีส้มแบบเรียบ (ของเดิมจะเป็นแบบนูน) ซึ่งต้องคู่กับประตูทั้งสี่บานที่เป็นเอาของ EVO III ทั้งนี้เพื่อให้รับกันอย่างดี
ส่วนสเกิร์ตข้างก็ต้องแนบของแท้ที่ปั๊มตัวนูน EVOLUTION III ขยับมาใส่ล้อแม็กของ ENKEI RACING ขอบ 16 นิ้วกว้าง 7 นิ้ว ในแบบ 5 ก้านโค้งสีขาว คู่กับยางคุณภาพนอก YOKOHAMA รุ่น dB decibel ขนาด 205 /50R16 แต่ที่หลังคาได้ยกมาทั้งบานในแบบมีซันรูฟสามารถปรับได้หลายระดับ ทางด้านหลังก็ได้ปรับแต่งกันชนหลังให้เป็นไปตามแบบของอีโว 3 โดยใต้กันชนมีท่อไอเสียสแตนเลสโผล่โชว์ให้เห็นนั้นเป็นของ SITT TURBO และในส่วนของด้านหลังนั้นแน่นอนต้องยกฝากระโปรงหลังมาพร้อมกับสปอยเลอร์ทรงสูงแบบที่มีไฟเบรคดวงที่สาม ถึงจะดูครบเต็มตัว จึงเสริมให้มุมมองด้านท้ายของรถดูเข้าท่าแล้ว
บล็อกเครื่อง 4G63 เกียร์ออโต้
ใส่กรองเปลือยติดท่อครบสูตร
เมื่อลงทุนแต่งภายนอกแล้วก็ต้องหันมายัดเครื่องให้เป็นไปตามสเตปการปรับแต่ง ซึ่งขุมพลังเดิมของอีคาร์นั้นยังไม่พอใจ ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่อง NA ที่เคยฝังอยู่ในรถเอนกประสงค์แบบ MPV ของ MITSUBISHI SPECWAGON ที่มีบล็อกเครื่องรหัส 4G63 แบบสี่สูบเรียง ขนาด 2000 ซีซี. DOHC 16 VALVE ที่มีสมรรถนะในการสร้างแรงม้าออกมาประมาณ 160 ตัวที่ 6,500 รอบ/นาทีกับแรงบิดสูงสุดในการออกตัว 19 กก.-ม. ที่ 4,750 รอบ/นาที พร้อมกับชุดเกียร์ออโตเมติคแบบ 4 สปีด จึงสะดวกในการใช้งานทั่วไปไม่ว่าจะขับในเมือง หรือนอกเมือง
แต่ถึงจะเป็นเครื่อง NA แบบเกียร์ออโต้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถเร่งความเร็วให้พุ่งไปได้ดังใจ ดังนั้นจึงได้ปรับแต่งด้วยการติดอินเตอร์คูลเลอร์ของ EVO III เข้าไป ซึ่งอาจไม่จำเป็น กับเดินท่ออากาศอลูมิเนียมที่ช่วยให้อากาศไหลลื่น พร้อมกรองอากาศเปลือยที่คบหาของ HERRICAN แบบตาข่ายสแตนเลส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของไทยที่ราคาไม่แพง แต่คุณภาพระดับอินเตอร์ เพราะสามารถกรองฝุ่นได้ละเอียดขนาด 7 ไมคอน จึงให้อากาศไหลได้สะดวกและยังทนทานใช้งานได้นาน
มาที่ระบบจุดระเบิดได้พึ่งหัวเทียนของ NGK NO.8 จึงส่งผลให้การจุดระเบิดแม่นยำขึ้น พร้อมกับติดตั้งสายกราวด์เพื่อมาช่วยกระแสไฟเดินได้สมบูรณ์ และหม้อน้ำเป็นของ EVO III ที่ระบายความร้อนได้ดี พร้อมกับสั่งทำเฮดเดอร์ใหม่ในแบบ 4-2-1 และได้เดินท่อไอเสียเป็นแบบสแตนเลสขนาด 2.5 นิ้ว เสริมหม้อพักไส้เกลียว มาช่วยเพิ่มอัตราเร่งในรอบกลาง ซึ่งเหมาะกับรถแบบเกียร์ออโต้ แถมด้วยปลายท่อแบบหม้อพักใบปลายขนาด 3.5 นิ้ว โดยชุดท่อไอเสียนั้นทำจาก SITT TURBO
ยกแพหน้า-หลังติดโช้คคายาบ้า
เบรคทั้งหน้า-หลังของ EVO III
ในขณะที่ระบบช่วงล่างนั้นได้ยกเอาแพหน้า-หลังของ EVO III มาใช้งานด้วย ส่วนโช้คอัพเป็นแบบสตรัทปรับเกลียวของจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นของ KAYABA แบบกระบอกบอร์น ทั้งด้านหน้า-หลัง โดยปรับระดับสูง-ต่ำได้ตามต้องการ และที่สำคัญเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพช่วงล่างให้ดียิ่งขึ้น โดยสปริงจะมีค่า K ที่มีความแข็งเพื่อให้สามารถซับแรงสะเทือนได้ดีทั้งขณะวิ่งความเร็วสูง หรือแม้แต่ในการเข้าโค้งก็รองรับได้อย่างดี รวมไปถึงค้ำโช้คที่ติดตั้งทั้งด้านหน้า-หลังเป็นแบบอลูมิเนียมที่มาเสริมบอดี้ให้แข็งแรง
ตามมาด้วยระบบเบรกที่ต้องดีกว่าเดิม ดังนั้นจึงได้ไปเอาของ EVO III มาใส่ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยด้านหน้ามีจานดิสถ์เบรคขนาดใหญ่ขึ้น ควบคู่กับคาลิเปอร์เบรคที่เป็นแบบข้างละ 2 พอร์ท จัดการพ่นคาลิเปอร์ด้วยสีแดงให้คล้ายแบบแบมโบ เช่นเดียวกับด้านหลังก็สลับจานดิสถ์เบรคกับคาลิเปอร์เบรคแบบข้างละพอร์ทเดียว ซึ่งเพียงพอที่จะสั่งให้หยุดได้ตามที่ต้องการ
พวงมาลัย MOMO กับวัดรอบใหญ่
ติดโรลบาร์ SITT ใส่เบาะเรคคาโร่
พอเข้ามาสัมผัสภายในห้องโดยสารดูจะขัดกับขุมพลังความแรง เพราะได้ทำการปรับแต่งในสไตล์รถแข่งเต็มตัว โดยได้ถอดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อเป็นการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งผู้โดยสาร กับเบาะนั่งด้านหลัง หรือแม้แต่แผงเพดานยังเอาออก ยกเว้นคอนโซลหน้าที่เป็นของเดิม แต่แผงประตูสีดำยืมมาปิดแทน ส่วนพวงมาลัยเป็นทรงสปอร์ตที่ฮิตกันของ MOMO แบบ 3 ก้านหุ้มหนังแท้ดำแบบมีรู ช่วยให้หมุนได้คล่องมือ ส่วนบรรดาเกจ์วัดคันนี้ขอแค่ตัวเดียวก็ไม่พอ ซึ่งติดเกจ์วัดรอบตัวใหญ่ของ AUTO METER ที่มาพร้อมกับชิพไลท์สีแดง ที่สามารถปรับตั้งได้ตามรอบเครื่องเพื่อให้แสดงผล
ส่วนเบาะนั่งเป็นแบบกึ่ง BRACKET SEAT สไตล์รถแข่งแรลลี่ โดยเป็นเบาะของ RECARO ที่มาในแบบผ้า ออกแบบให้โอบกระชับรับกับลำตัว พร้อมกันนั้นได้มีการป้องกันบอดี้ด้วยการติดตั้งโรลบาร์ของ SITT TURBO โดยได้เลือกติดแบบ 6 จุด ประกอบด้วยด้านหน้า 2 จุด กลาง 2 จุด และหลัง 2 จุด จึงมั่นใจได้ในคุณภาพ เพราะผลิตจากเหล็กกลมแบบกลวงขนาด 1.5 นิ้ว ที่เป็นงานฝีมือดัดเอง พร้อมพ่นด้วยสีเหลืองลูไซส์ ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรงและความสวยงามที่ดูแล้วดุดัน ที่สำคัญยังช่วยในการทรงตัวได้ไม่น้อย โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าแบบนี้
ถึงจะหล่อแค่บอดี้ในแบบ EVO III แต่ใครจะรู้ว่าความแรงที่ฝังอยู่ภายใต้ฝากระโปรงนั้น เป็นเพียงบล็อกเครื่องแบบยูสด์คาร์ เพราะภายในเล่นแต่งซะดุอย่างกับรถแข่งตัวจริง สนใจปรับแต่งรถทุกรุ่นได้ที่สำนักแต่ง SITT TURBO แถวถนนพระราม 9